You are currently viewing ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ฮีโร่ที่หยุดสงครามกลางเมือง !!

ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ฮีโร่ที่หยุดสงครามกลางเมือง !!

กองหน้าที่ครบเครื่องที่สุดในยุค 2000 มีไม่กี่คนที่สามารถสู้กับเซนเตอร์แบ็กฝั่งตรงข้ามได้เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นลูกโหม่ง การบังบอล การพักบอลในแดนหน้า ฝาดเรียบทุกคน เป็นกองหน้าที่ทนต่อการเข้าปะทะ แถมยังจบสกอร์ได้อย่างเฉียบขาด ไม่ว่าจะเป็นลูกโหม่ง หรือ การทำประตูได้ทั้งซ้ายและขวา ถือว่าเป็นกองหน้าที่หลายทีมต่างชื่นชอบและอยากได้ไปร่วมทีมเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา (Didier Drogba) ตำนานของสโมสร เชลซี (Chelsea) ที่ไล่ล่ากวาดถ้วยรางวัลเข้าตู้สโมสรได้อย่างมากมาย และเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอล กองหลังต่างหวาดกลัวที่ต้องเข้าปะทะกับเขา

ประวัติส่วนตัว ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา

ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา

ดีดีเย อีฟว์ ดรอกบา เตบีลี (Didier Yves Drogba Tébily) เกิดเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ 1978 เมืองอาบีจาน ประเทศ โกตดิวัวร์ หรือรู้จักกันในชื่อ ไอวอรีโคสต์ และอพยพมาประเทศฝรั่งเศสโดยลำพังตัวคนเดียว เพื่อมาอยู่กับลุงที่มีชื่อว่า มิเชล โกบา (Micheal Goba) เริ่มต้นการเล่นฟุตบอลเมื่อตอนอายุ 10 ขวบ ที่สโมสร ตูร์กวง (Tourcoing) ในปี 1988 ฝึกฝนได้เพียงปีเดียวก็ย้ายไปร่วมทีมเยาวชน อาเบอวีล (Abbeville) ในปี 1989 เก็บเกี่ยวฝีเท้าอยู่ 2 ปี จึงได้ย้ายไปสโมสรเยาวชน วาน (Vannes) ในปี 1991 ต่อมากระทั่งในปี 1993 ได้ย้ายไปสโมสรเยาวชน เลอวารัว (Levallois) และเล่นในตำแหน่งแบ็กขวามาตลอดในช่วงนั้น

จนกระทั่งในปี 1997 สโมสรชื่อดังอย่าง เลอม็อง (Le Mans)ก็เห็นแววและดึงมาร่วมทีมเยาวชน ผ่านไปเพียงปีเดียวเท่านั้น ดร็อกบาได้เซ็นสัญญาอาชืพขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 1998 โดยในช่วงฤดูกาลสุดท้ายที่ เลอม็อง ดร็อกบา เปลี่ยนจากการเล่นแบ็กขวาไปเป็นศูนย์หน้าเนื่องจากโค้ชในเวลานั้นมองว่ามีความสามารถและเล่นได้แข็งแกร่งจึงทำให้ แก็งก็อง (Guingamp) เซ็นสัญญาเข้ามาร่วมทีมในปี 2002 ในวัย 21 ปี

ดร็อกบาระเบิดฟอร์มได้อย่างสุดยอดยิงไปทั้งหมด 17 ประตู จาก 34 นัด ช่วยทีม แก็งก็อง รอดจากการตกชั้น และเป็นทางสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง โอลิมปิก มาร์กเซย (Olympique de Marseille) เซ็นสัญญาในปี 2003 เพียงย้ายมาปีแรกระเบิดฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นดาวซัลโวสูงสุดในลีกเอิง ด้วยการยิง 19 ประตู จาก 35 นัด และยังมีส่วนช่วยทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า คัพ อีกด้วย

สู่การเป็นตำนานเชลซี

หลังจากโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในลีกเอิง สโมสร เชลซี ยักษ์ใหญ่ศึกพรีเมียร์ลีก ได้เซ็นสัญญามาร่วมทีม ด้วยค่าตัว 24 ล้านปอนด์ ในปี 2004 ในช่วงปีแรกที่ย้ายมา ดร็อกบา ได้รับบาดเจ็บและลงสนาม ในฐานะตัวจริงเพียง 18 นัดเท่านั้น ทำได้ 10 ประตู ในพรีเมียร์ลีก และในฤดูกาลปี 2005-06 ดร็อกบา ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง และยิงทั้งหมด 16 ประตู รวมทุกรายการ

ช่วยให้เชลซีคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 2 ติดต่อกันได้เป็นผลสำเร็จ จนกระทั่งในปี 2006-07 ดร็อกบายังระเบิดฟอร์มสุดยอดได้อย่างต่อเนื่องอีกครั้งและเป็นปีที่คว้ารางวัล รองเท้าทองคำพรีเมียร์ลีก มาครองได้สำเร็จหลังจากยิงไปทั้งสิ้น 33 ประตูรวมทุกรายการ

ดร็อกบายังทำผลงานได้อย่างสุดยอดต่อเนื่องไล่ล่าถ้วยรางวัลเข้าตู้ได้อย่างมากมายและในฤดูกาล 2011-12 ยังช่วยให้เชลซี คว้าถ้วยรางวัลอย่างยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก มาครองได้อีก หลังจากสิ้นสุดฤดูกาล 2012 ทางสโมสรเชลซีจึงได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการเรื่องสัญญา จึงทำให้สโมสร เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว (Shanghai Shenhua) ในไชนีส ซูเปอร์ลีก ที่ประเทศจีนคว้าไปร่วมทีมในที่สุด แฟนบอลเชลซีต่างยกให้เป็นตำนานสโมสรโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ

บั้นปลายอาชืพในการเป็นนักฟุตบอล

ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา

ในเวลาต่อมา ดร็อกบา ได้กลับมาในแผ่นดินยุโรปอีกครั้งเพื่อมาเล่นให้กับสโมสรดังในประเทศตุรกี อย่างทีม กาลาตาซาราย (Galatasaray) ในเดือนมกราคมปี 2013 หลังจากมีปัญหากับสโมสร เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว โดยดร็อกบาอ้างว่า ไม่ได้รับค่าจ้างจากที่เก่าและทางฟีฟ่าก็ออกใบอนุญาตชั่วคราวเพื่อให้ได้ร่วมทีมกาลาตาซารายได้ในท้ายที่สุด

และเพียงในช่วงท้ายฤดูกาล 2012-13 ก็สามารถช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดมาครองได้สำเร็จ และในปีต่อมา 2013-14 ยังช่วยให้กาลาตาซารายคว้าดับเบิ้ลแชมป์ฟุตบอลถ้วยในประเทศมาครองได้อีกด้วย หลังจากนั้นดร็อกบา

กลับไปที่เชลซีอีกครั้งในปี 2014-15 ช่วยให้เชลซีทวงความยิ่งใหญ่กลับมาอีกครั้งในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและยังคว้าฟุตบอลลีกคัพ เป็นดับเบิ้ลแชมป์มาครองได้สำเร็จ จนกระทั่งในปี 2015 มอนทรีออล อิมแพ็ค (Montreal Impact) สโมสรในเมเจอร์ลีก สหรัฐอเมริกา ดร็อกบายังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเคยโดยลงสนามไปทั้งหมด 33 นัด ยิงไป 21 ประตูในทุกรายการ

และย้ายไปร่วมทีม ฟีนิกซ์ ไรซิง (Phoenix Rising) ในปี 2017 ด้วยวัยอายุ 40 ปี แต่ดร็อกบาก็ยังช่วยให้ทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเคยและประกาศเลิกเล่นอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2018 สิ้นสุดการค้าแข้งไปในที่สุด

หยุดสงครามกลางเมืองในประเทศโกตดิวัวร์

ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา

ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา มีส่วนสำคัญอย่างมากในการโน้มน้าวพลเมืองในประเทศเพื่อให้หยุดสงครามกลางเมือง ที่ดำเนินการยาวนานในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งเขาสามารถพาไอวอรีโคสต์ ไปเล่นฟุตบอลโลก 2006 ได้เป็นผลสำเร็จจึงใช้จุดนี้ออกแถลงการณ์และร้องขอให้ประธานาธิบดีไปที่ บูอาเก้ เพื่อแสดงออกสันติภาพหลังจากที่หยุดยิงกันไปในปี 2007 และถูกตั้งฉายาให้ว่า ”แชมป์แห่งสันติภาพ” และยังมีชื่ออยู่ในนิตยสารไทม์ 100 บุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ในเวลานั้นอีกด้วย

เกียรติประวัติ

ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา

โอลิมปิก มาร์กเซย

ยูฟ่าคัพ
รองแชมป์: 2003-04

เชลซี

พรีเมียร์ลีก
แชมป์: 2004–05, 2005–06, 2009–10, 2014–15
เอฟเอคัพ
แชมป์: 2006–07, 2008–09, 2009–10, 2011–12
ลีกคัพ
แชมป์: 2004-05, 2006-07, 2014-15
คอมมูนีตี้ชิลด์
แชมป์: 2005, 2009
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
แชมป์: 2011-12

กาลาตาซาราย

ซูเปอร์ลีกตุรกี
แชมป์: 2012-13
เทอร์กิชซูเปอร์คัพ
แชมป์: 2013
เทอร์กิชคัพ
แชมป์: 2013-14

ทีมชาติไอวอรีโคสต์

แอฟริกาคัพออฟเนชันส์
รองแชมป์ : 2006, 2012

รางวัลส่วนบุคคล

ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา

นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของลีกเอิงฝรั่งเศส 2003-04
นักฟุตบอลแอฟริกันยอดเยี่ยมแห่งปี 2006, 2009
รองเท้าทองคำพรีเมียร์ลีก 2006-07, 2009-10
นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของซุปเปอร์ลีกตุรกี 2013
ดาวซัลโวลีกเอิง 2003-04
โกลเด้นฟุต (เท้าทองคำ)
2013
เข้าทำเนียบตำนานฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (Hall of Fame)