You are currently viewing ซามี ฮูเปีย ภูผาน้ำแข็งตำนานแห่งลิเวอร์พูล !!

ซามี ฮูเปีย ภูผาน้ำแข็งตำนานแห่งลิเวอร์พูล !!

กองหลัง เซนเตอร์แบ็กในยุคปลาย 90 ในช่วงนั้นแฟนบอลทั่วโลกต่างสงสัยว่า หงส์แดง ลิเวอร์พูล (Liverpool) ไปเซ็นสัญญากับกองหลังใครมา เพราะในตอนนั้นไม่มีใครรู้จักชายที่ชื่อว่า ซามี ฮูเปีย (Sami Hyypiä) เรียกได้ว่าเป็นตัวละครลับในยุคสมัยนั้นเลยก็ว่าได้ หรือบางคนสมัยนี้คงจะพูดว่า อิหยังวะ ก็คงจะไม่ผิดอะไร

แต่ชายผู้นี้นี่เองที่ใช้ผลงานในสนามลบคำสบประมาทให้กับเหล่ากูรูแฟนบอลทีมต่างๆได้หายสงสัย การเล่นที่คงเส้นคงวา การประกบกองหน้าที่เหนียวแน่น หรือลูกโหม่งกลางอากาศที่เป็นจุดเด่นอย่างมากในตอนนั้น แฟนลิเวอร์พูล ต่างยกย่องและให้ฉายาว่า ภูผาน้ำแข็ง ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ซามี่ ฮูเปีย ก็คือตำนานลิเวอร์พูลนั่นเอง

ประวัติส่วนตัว ซามี ฮูเปีย

ซามี ฮูเปีย

ซามี ฮูเปีย (Sami Tuomas Hyypiä) เกิดเมื่อวันที่ 07 ตุลาคม ค.ศ 1973 เมืองปอร์วู ประเทศฟินแลนด์ เริ่มการค้าแข้งกับทีมเยาวชน คูมู (Kumu) ในปี 1977 ตอนอายุได้เพียง 4 ขวบเท่านั้น และฝึกฝนฝีเท้าอยู่ที่นี่นานหลายปี หลังจากนั้นได้ย้ายไปร่วมทีมสโมสร ไมปา (MyPa) ในปี 1992 ตอนอายุได้ 19 ปี สามารถคว้าแชมป์ ฟินแลนด์ คัพ มาได้ในฤดูกาลแรกที่ย้ายเข้ามา หนึ่งในเพื่อนร่วมทีมของ ฮูเปีย ในตอนนั้นก็คือ ยารี่ ลิตมาเน่น (Jari Litmanen)

จนกระทั่งปี 1995 ฮูเปียในวัย 22 ปี มีโอกาสได้ไปทดสอบฝีเท้ากับ สโมสร นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (Newcastle United) กับผู้จัดการทีมในตอนนั้นก็คือ เควิน คีแกน (Kevin Keegan) หลังจากทดสอบฝีเท้าอยู่เพียง 2 สัปดาห์ เพื่อหาประสบการณ์ จนในท้ายที่สุดสโมสรในลีกฮอลแลนด์ อย่าง วิลเล่ม ทเว (Willem II) ก็ตัดสินใจเซ็นสัญญา ฮูเปียไปร่วมทีม ในปี 1995 โดยฮูเปีย ใช้เวลาอยู่ที่นี่ 4 ปี และในปีสุดท้ายก็ได้รับรางวัลผู้เล่นแห่งปี แฟนบอลต่างชื่นชอบและเสียในตัว ฮูเปีย เพราะรู้ว่าในอนาคตก็ต้องจากที่แห่งนี้ไปในสักวันนึง

บทฟิสูจน์ฝีเท้าบนเวทีพรีเมียร์ลีก

ซามี่ ฮูเปีย

ในปี 1999 ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล เชราร์ อุลลิเยร์ (Gérard Houllier) ได้เซ็นสัญญาคว้า ซามี ฮูเปีย มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 2.6 ล้านปอนด์ ซึ่ง ฮูเปีย ดีใจเป็นอย่างมากเพราะว่าคือสโมสรที่เชียร์ตั้งแต่ยังเด็ก และความฝันของเขาได้เป็นจริงแล้ว ในตอนแรกสื่ออังกฤษหลายสำนักไม่รู้จักชายผู้นี้ แต่สิ่งต่างๆในความคิดได้สูญสลายหายไปหลังจากที่ ฮูเปีย ได้พิสูจน์ตัวเอง ยืนเซนเตอร์แบ็กคู่กับ สเตฟาน อองโชซ์ (Stephane Henchoz) ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงไม่กี่นัดของพรีเมียร์ลีกเท่านั้น

จนกระทั่งในปี 2000-01 ฮูเปีย ก็สามารถพาลิเวอร์พูลคว้าทริปเปิ้ลแชมป์มาได้อย่างยิ่งใหญ่นั่ก็คือ เอฟเอคัพ (FA Cup), ลีกคัพ (League Cup), ยูฟ่าคัพ (UEFA Cup) และยังคว้าแชมป์ ยูฟ่าซูเปอร์คัพ (UEFA Super Cup) มาครองได้ในปีเดียวกันนี้อีกด้วย และในปี 2002 ฮูเปียได้รับการแต่งตั้งเป็น กัปตันทีมลิเวอร์พูลคนใหม่ จนกระทั่งปี 2003 ปลอกแขนกัปตันทีมก็ส่งมอบสู่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด (Steven Gerrard) ไปในท้ายที่สุด

ปาฏิหาริย์อิสตันบูล

ซามี ฮูเปีย

ในปี 2004 การเข้ามารับหน้าที่ผู้จัดการทีมคนใหม่ของลิเวอร์พูล ราฟาเอล เบนิเตซ (Rafael Benítez) ได้เข้ามาปรับเปลี่ยนระบบแผนการเล่นใหม่ ใช้ เจมี คาร์ราเกอร์ (Jamie Carragher) ที่ก่อนหน้านี้ยืนเป็นตำแหน่งกองกลางตัวรับ ย้ายมาเป็นเซนเตอร์แบ็กร่วมกับ ซามี่ ฮูเปีย ทำให้ฟอร์มการเล่นในแผงกองหลังเหนียวแน่นขึ้นกว่าเดิม และในปีแรกของ เบนิเตซ ในกาคุมทีมเท่านั้น สามารถพาลิเวอร์พูลเข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 2004-05 และคว้าแชมป์มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ที่เมืองอิสตันบลู

โดยการชนะ เอซี มิลาน (A.C. Milan) ในการดวลจุดโทษหลังจากที่หลังจากที่ครึ่งแรกเป็นฝ่ายตามหลัง 3 ประตู และกลับมาคว้าแชมป์ได้ หลังจากนั้น ฮูเปีย ก็เล่นกับลิเวอร์พูลไปถึงปี 2009 จึงย้ายออกไปร่วม เลเวอร์คูเซ่น (Bayer Leverkusen) ปิดตำนานลิเวอร์พูลได้อย่างยิ่งใหญ่ตลอดระยะเวลา 10 ปีเต็ม

บั้นปลายอาชืพและการผันตัวเองเป็นผู้จัดการทีม

ซามี ฮูเปีย

หลังจากที่ ซามี ฮูเปีย ย้ายไปร่วมทีม ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในปี 2009-10 ฮูเปียก็ยังเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเดิม ช่วยพาเลเวอร์ คูเซ่น จบอันดับที่ 4 ในตารางคะแนนบุนเดสลีก้า เยอรมัน และได้รับเลือกให้เป็นกองหลังที่ดีที่สุดในบุนเดสลีก้าปี 2009 อีกด้วย

และในวันที่ 6 ตุลาคม 2010 ฮูเปียได้ออกมาประกาศว่าจะร่วมงานกับสโมสรเลเวอร์คูเซ่นในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการทีม ในปีต่อมาวันที่ 2 พฤษภาคม 2011 ฮูเปีย ได้ออกมาประกาศแขวนสตั๊ดจบอาชืพการเป็นนักฟุตบอลและผันตัวเองมารับงานผู้ช่วยผู้จัดการทีมชาติฟินแลนด์ หลังจากนั้นในปี 2012 ก็เข้ามาคุมทีมผู้จัดการทีม ห้างขายยา ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น อย่างเต็มตัว

สามารถพาเลเวอร์คูเซ่น จบอันดับที่ 2 บนตารางคะแนนบุนเดสลีก้า และปีถัดมาก็พาเลเวอร์คูเซ่น จบอันดับที่ 3 ก่อนจะย้ายไปคุมสโมสร ไบรท์ตัน & ฮอฟ อัลเบียน (Brighton & Hove Albion) ในปี 2014 และย้ายไป เอฟซี ซูริค (FC Zürich) ในปี 2015 และย้ายไปคุมทีม ฮาก้า (Haka) ในปี 2020 โดยปัจจุบัน ฮูเปีย ได้ออกมาแล้วและเดินสายพบปะแฟนฟุตบอลลิเวอร์พูลจากทั่วเอเชียอยู่มาจนทุกวันนี้

เกียรติประวัติ

ซามี่ ฮูเปีย

ไมปา

ฟินแลนด์คัพ
แชมป์: 1992, 1995

ลิเวอร์พูล

เอฟเอคัพ
แชมป์: 2000-01, 2005-06
ลีกคัพ
แชมป์: 2000-01, 2002-03
คอมมูนีตี้ชิลด์
แชมป์: 2001, 2006
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
แชมป์: 2004-05
ยูฟ่าซูเปอร์คัพ
แชมป์: 2001, 2005

ทีมชาติฟินแลนด์

นอร์ดิกฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ชิพ
แชมป์: 2000-01

รางวัลส่วนบุคคล
นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีฟินแลนด์
1999, 2000, 2001, 2002, 2003, 2005, 2006, 2008, 2009, 2010
นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีลิเวอร์พูล 2001-02
นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีบุนเดสลีก้า 2009-10