นักเตะชาวเอเชียที่เก่งๆ และสร้างชื่อในยุคนี้ปี 2023 ถ้าจะเอ่ยคงมีไม่กี่คน และถ้าจะบอกว่านักเตะเอเชียที่เก่งที่สุดคงหนีไม่พ้นก็คือ ซน ฮึง-มิน (Son Heung-min) ที่สามารถสร้างชื่อบนแผ่นดินยุโรปได้ทั้ง บุนเดสลีก้า เยอรมัน (Bundesliga), พรีเมียร์ลีก อังกฤษ (Premier League) ด้วยฟอร์มโดดเด่น การจบสกอร์ได้อย่างยอดเยี่ยม

อีกทั้งล่าสุดเพื่งได้รับหน้าที่เป็น กัปตันทีม ของ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส (Tottenham Hotspur) อยู่ปัจจุบันนี้ ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ซน ฮึง-มิน คือนักเตะหมายเลข 1 ของเอเชีย

ประวัติส่วนตัว ซน ฮึง-มิน

ซน ฮึง-มิน (Son Heung-min) เกิดเมื่อวันที่ 8 ก.ค. 1992 เมืองชุนชอน ประเทศ เกาหลีใต้ ต้องฝึกฝนฟุตบอลตั้งแต่ยังเด็กโดยมีพ่อที่ชื่อว่า ซน อึง-จอง อดีตนักฟุตบอลที่ค้าแข้งให้กับหลายสโมสรในเกาหลีใต้ ที่เคี่ยวเข็ญอย่างหนัก ควบคุมการฝึกซ้อมให้กับลูกชายทั้งหมด มีครั้งนึง ซน ฮิง-มิน เคยให้กล่าวว่า ”พ่อของผม บังคับให้เดาะลูกฟุตบอลติดต่อกัน 4 ชั่วโมง และห้ามตกพื้นเด็ดขาด ในขณะที่ผมเดาะฟุตบอลไป 3 ชั่วโมง ผมก็เริ่มเห็นลูกฟุตบอลเป็นสีแดง แยกออกมาเป็นสามลูก นั่นเป็นเพราะว่าเลือดออกในดวงตา”

และการฝึกซ่อมอย่างหนักนี่เองส่งผลให้ในปี 2008 เอฟซีโซล (FC Seoul) ทีมดังของเกาหลีใต้ดึงไปร่วมทีมเยาวชน ตอนอายุได้ 16 ปี และด้วยฟอร์มอันโดดเด่นอยู่เพียงไม่นานก็ไปเข้าตาแมวมองของ ”สิงห์เหนือ” ฮัมบูร์ก (Hamburger SV) สโมสรดังของเยอรมันและคว้าไปร่วมทีมเยาวชนในท้ายที่สุด

โชว์ฝีเท้าบนแผ่นดินเยอรมัน

ซน ฮึง มิน ฝึกฝนฝีเท้าอยู่เพียง 2 ปี ในที่สุดก็สามารถขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ฮัมบูร์ก ได้ในปี 2010 ด้วยวัยเพียง 18 ปี และยิงประตูแรกในเกมพบกับ เอฟซี โคโลญจน์ (FC Köln) เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ 2010 แถมยังสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของสโมสรฮัมบูร์ก อาร์มิน เฟห์ (Armin Veh) ผู้จัดการทีมในตอนนั้นที่มอบโอกาสให้กับ ซน ได้พูดไว้ว่า ”ซนคือนักเตะดาวรุ่งสุดยอดที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลย”

ต่อมาในปี 2011 ช่วงท้ายฤดูกาล การเข้ามารับงานผู้จัดการทีมของ ทอร์สเท่น ฟริงส์ (Thorsten Fink) ทำให้ ซน ได้รับโอกาสขึ้นเป็นตัวจริงในฤดูกาล 2012-13

และในเกมพบกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund) ช่วงท้ายฤดูกาลชื่อของ ซน ก็ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังจากยิง 2 ประตู ใส่เสือเหลืองทำให้ ฮัมบูร์กเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 4-1 และยังได้รับ แมน ออฟ เดอะ แมตช์ (Man of The Match) หลังจบเกม จบฤดูกาล ลงสนามไป 34 นัด ยิง 12 ประตูในทุกรายการ ทำให้ทีม ”ห้างขายยา” เลเวอร์คูเซ่น (Bayer Leverkusen) คว้าไปร่วมทีมในปี 2013 ด้วยค่าตัว 10 ล้านยูโร ด้วยสัญญา 5 ปี

ซนยังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดระยะเวลา 2 ฤดูกาล โดยยิงไป 29 ประตู ในทุกรายการ สุดท้ายเป็น ”ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส คว้าตัวไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 22 ล้านปอนด์ ในปี 2015 ทุบสถิติ ฮิเดโตชิ นากาตะ (Nakata Hidetoshi) กลายเป็นนักเตะเอเชียแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ไปในที่สุด

พรีเมียร์ลีก สั่นสะเทือน

ในช่วงแรกการมาของ ซน ภายใต้ผู้จัดการทีม เมาริซิโอ โปเชตติโน่ (Mauricio Pochettino) ซนได้รับโอกาสส่วนใหญ่จากการเป็นนักเตะซูเปอร์ซับ ลงสนามและทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งฤดูกาล 2016-17 ซน สามารถแย่งตำแหน่งตัวจริงมาได้และเล่นคู่กับ แฮร์รี่ เคน (Harry Kane) ได้อย่างเข้าขา ก่อนจะปิดฤดูกาลยิงไป 21 ประตูในทุกรายการ

ถึงขั้นผู้จัดการทีม โปเชตติโน่ ได้ออกมาเผยว่า ”ซนโตขึ้นและรู้จักพรีเมียร์ลีกมากขึ้น เขาเป็นคนละคน และในตอนนี้เขาปรับตัวและเข้ากับทีมได้อย่างยอดเยี่ยม”

หลังจากนั้น ซน ก็เป็นกำลังหลักยึดตำแหน่งผู้เล่น 11 ตัวจริงเรื่อยมา และมีโอกาสพา สเปอร์ส เข้าไปเล่นนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2018-19 ก่อนจะแพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล ทีมร่วมลีกไปอย่างน่าเสียดาย โดยปัจจุบัน ซน ฮึง-มิน ได้รับตำแหน่งกัปตันทีม แทนที่ เคน ที่ย้ายไปบุนเดสลีก้า เยอรมัน เล่นให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ในปัจจุบันนี้พาสเปอร์ขึ้นนำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก 2023-24

คนที่เกาหลีใต้ขาดไม่ได้

ซน ฮึง มิน มีโอกาสขึ้นทีมชุดใหญ่ทีมชาติเกาหลีใต้ในตอนที่เล่นให้กับ ฮัมบรู์ก ในวัยอายุ 18 โดยพาเกาหลีใต้ ไปฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศ บราซิล และ ฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศ รัสเซีย ก่อนจะพาทีมชาติเกาหลีใต้คว้าแชมป์ เอเชี่ยนเกมส์ 2018 ที่ ประเทศ อินโดนีเซีย และยังพาเกาหลีใต้ลุย ฟุตบอลโลก 2022 ประเทศ กาตาร์ โดยในปัจจุบัน ซน อายุ 31 ปี ยังเป็นกัปตันทีมชาติเกาหลีใต้และกัปตันสโมสรสเปอร์ส ในทุกวันนี้

เกียรติประวัติ

สเปอร์ส

ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก
รองแชมป์: 2018-19

ทีมชาติเกาหลีใต้

เอเชี่ยนเกมส์
แชมป์:2018

รางวัลส่วนบุคคล

นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของเกาหลีใต้
2013, 2014, 2017, 2019, 2020, 2021, 2022
นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของเอเชีย
2014, 2015, 2017, 2018, 2019, 2020, 2021, 2022
ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก 2021-22
นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ (PFA) 2020-22